พวกเราในฐานะธุรกิจร้านอาหาร คิดเสมอว่าหน้าที่ของเราคือการทำอาหารให้อร่อย การจะทำอาหารที่อร่อยได้นั้น สิ่งสำคัญคือการพัฒนาด้านวัตถุดิบที่ใช้ การพัฒนาความรู้ความสามารถของเชฟ และการพัฒนาอุปกรณ์การทำอาหาร เราจึงจริงจังกับการพัฒนาวัตถุดิบซึ่งเป็นจุดสำคัญที่สุด

ก่อนหน้านี้เราใช้ผักที่นำเข้ามาจากไทย และบางอย่างก็มีเฉพาะแบบแช่แข็งเท่านั้น แรงจูงใจที่ทำให้เราเริ่มหันมาทำเกษตรเองนั้นเกิดจากช่วงปีที่ผ่านๆมานี้วัตถุดิบนำเข้าจากไทยมีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและสินค้าหาซื้อยากขึ้นเพราะขาดตลาด เดิมทีประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการพึ่งพาตนเองในด้านการผลิตอาหารที่ต่ำอยู่แล้ว ผู้ผลิตก็ลดน้อยลงเรื่อยๆเนื่องจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุ จึงทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และเราก็ได้รับข้อมูลมาว่าปุ๋ยเคมีก็เป็นสินค้านำเข้าเช่นกัน ราคาปุ๋ยที่แพงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกษตรกรเลิกทำการเกษตรไปเป็นจำนวนมาก จากผลกระทบของสถานการณ์โลก2-3 ปีมานี้ ทำให้วัตถุดิบนำเข้าจากไทยบางอย่างหยุดไปและมีราคาแพงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เรารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่ามีอุปทานมากพอ อันดับแรกเราต้องปลูกผักที่ใช้ปริมาณเยอะๆด้วยตนเอง และปลูกผักที่มีความปลอดภัย ให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจมากขึ้นเมื่อใช้บริการ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราตัดสินใจหันมาทำการเกษตรเอง ส่วนเรื่องของปุ๋ยที่ใช้นั้น เมื่อคาดการว่าจะมีปัญหาในการจัดหามา เราจึงลดการใช้ปุ๋ยเคมี และคิดว่าควรทำเกษตรที่ใช้ประโยชน์จากความแข็งแรงตามธรรมชาติของดิน ในช่วงนี้เราโชคดีที่ได้รู้จักกับผู้มีประสบการณ์มากมายในการสร้างดินที่ดีจากต่างประเทศและเป็นผู้ที่มีความกระหายในการสร้างประโยชน์ให้สังคมเป็นอย่างสูง ท่านมาจากจังหวัดคุมะโมโต้ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผืนดินชื่อคุณโยชิอะกิ ทะบุ (Yoshiaki Tabu) ดังนั้นเราจึงคิดว่าจะปลูกผักและทำให้ผืนดินเกษตรนี้กลับมาเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ตาสโลแกน สร้างดิน สร้างอาหาร สร้างคน ของเรา

ทำอาหารไทยจากผักไทยที่ได้จากปุ๋ยหมักที่ของขี้ช้างจากเอเชีย ช่างเป็นอะไรที่วิเศษจริงๆ เป็นความคิดจากมือสมัครเล่นที่ไม่รู้จักอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นการเกษตรหรือเรื่องปุ๋ยหมัก และช่วงเวลาที่นึกไอเดียนี้ขึ้นมานั้น ก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพดิน คุณทะบุ(Tabu)มาอยู่ตรงหน้า ทำให้เป็นช่วงเวลาที่สามารถเอาทุกอย่างมารวมกันได้ จึงได้ติดต่อไปยัง Animal Wonder Rezourt ด้วยความตื่นเต้นและได้พบกับท่านประธานของที่นั่น คือคุณซะกะโมโต้(Sakamoto)ในทันที แล้วทำการวิเคราะห์ส่วนผสมในสถานที่วิจัยที่มหาวิทยาลัย ไม่นานก็ได้รับแจ้งผลมาว่ามีปุ๋ยเพียงพอให้ใช้แล้ว อีกทั้งท่านประธานซะกะโมโต้ยังเสนอสถานที่ทำเกษตรให้ด้วย จึงยืมพื้นที่นั้นทำเกษตร จากเรื่องราวทั้งหมดที่ได้เล่ามาบวกกับการได้เจอผู้คนเหล่านี้ ทำให้ตอนนี้เราได้ทำเกษตรอยู่ที่อำเภออิจิฮาร่า โดยได้รับความช่วยเหลือจากคนในพื้นที่ล้นหลาม